วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

สาเหตุของการมีพุง ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากไขมัน

คุณ ทราบกันหรือไม่ ? ว่าการที่มีพุงนั้น อาจจะไม่ได้มีสาเหตุเกิดมาจากไขมันก็เป็นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะไขมันแล้ว จะเป็นอะไรได้ล่ะ วันนี้เราจึงมีคำตอบสำหรับข้อสงสัยนี้มาฝากกันค่ะ … สาเหตุของการมีพุงป่อง ไม่ใช่เกิดจากการรับประทานอาหารแต่เพียงอย่างเดียว และคนที่มีพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าคนๆ นั้นอ้วนด้วยนะคะ แต่อาจจะเป็นเพียงของอาการบวมน้ำเท่านั้นเอง

1. สาเหตุจากการแพ้อาหาร
ใน บางครั้ง อาการท้องบวม ก็อาจจะเกิดมาจากอาการระคายเคือง หรือการติดเชื้อของระบบย่อยอาหารภายในช่องท้อง หรืออาจจะรวมถึงการรับประทานยาในบางชนิด ที่ทำให้เกิดการบวมน้ำและยังรวมไปถึงการที่กำลังมีรอบเดือนอยู่ด้วย แต่ถ้ามีความรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณบวมขึ้นอย่างผิดปกติ หลังจากที่ได้รับประทานอาหารบางชนิดแล้ว ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่า น่าจะมีอาการแพ้มาจากอาหารที่พึ่งได้รับประทานเข้าไป จากสถิติ ได้พบข้อมูลว่า อาหารจำพวกแป้ง และนมนั้น มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้และอาการท้องบวมได้มากที่สุด

2. อาหารลดน้ำหนัก
คน ที่ชอบลดความอ้วน ด้วยการหวังพึ่งแต่อาหารลดน้ำหนัก จำพวกไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมันแล้ว ก็มักจะมีปัญหาพุงป่อง เพราะเนื่องจากชอบคิดว่า มันเป็นอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ จึงสามารถกินได้ในปริมาณที่มากกว่าปกติ อาหารจำพวกนี้อาจจะมีพลังงานที่น้อยกว่าปกติก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีปริมาณที่น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีแล้ว ก็ควรหันมารับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งควรจะรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยด้วย อาทิเช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอปเปิล หรือผักสดต่างๆ

3. รับประทานอาหารช้าๆ แต่รับประทานบ่อยๆ
เวลา รับประทานอาหารก็ควรจะเคี้ยวอาหารให้ช้าๆ ค่อยๆ รับประทาน เพื่อให้ประสาทได้รับรู้และค่อยๆ รู้สึกว่าอิ่ม และในแต่ละมื้อ ก็อย่ารับประทานอาหารให้เยอะเกินจนรู้สึกอิ่มจนเกินไป จะทำให้แน่นท้องและรู้สึกอึดอัด ควรจะแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ แต่ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานขนมจุบจิบ จำพวกขนมนมเนยต่างๆ ควรจะเลือกรับประทานผลไม้หรือธัญพืช เมื่อมีความรู้สึกหิวในระหว่างมื้อจะดีกว่า

4. ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
คา เฟอีน แอลกอฮอล์ และนิโคตินในบุหรี่ มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย จะส่งผลทำให้ร่างกายมีอาการบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้สาเหตุดังนี้แล้ว ก็แค่ที่จะ ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ และในเวลาเดียวกันนั้น ก็ควรจะเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลย

5. หัดรับประทานโยเกิร์ตสักนิด
ใน กระเพาะอาหารของคนเรานั้น จะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ด้วย เพื่อทำหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหาร แต่ในบางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ ก็อาจจะถูกกำจัดไปจากสภาวะต่างๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือการรับประทานอาหารในบางชนิด ขอแนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำ เพื่อช่วยในการปรับความสมดุลของแบคทีเรีย ในกลุ่มที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารของเราสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่ง ขึ้น และช่วยทำให้หน้าท้องมีอาการบวมที่น้อยลงได้อีกด้วย

6. ดื่มน้ำในแต่ละวันให้มากๆ
อาการ บวมน้ำนี้ เราควรที่จะดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วใน 1 วัน แต่วิธีการดื่มน้ำในแต่ละครั้งนั้น อย่าดื่มให้หมดแก้วภายในคราวเดียว ควรจะจิบน้ำบ่อยๆ จิบเรื่อยๆ เพราะการที่เราดื่มน้ำแก้วใหญ่เข้าไปในคราวเดียวนั้น จะไปทำให้กระเพาะปัสสาวะมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ลองเลือกดื่มชาสมุนไพร อาทิเช่น ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์ แทนการดื่มน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มน้ำในช่วงหลังอาหารนั้น จะช่วยทำให้อาหารที่ได้รับประทานเข้าไปแล้ว ถูกย่อยได้ดียิ่งขึ้นด้วย

7. บริหารความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้หญิง หลายๆ คน คงมีเชื่อว่าการออกกำลังกายด้วยการซิตอัพทุกวัน จะช่วยทำให้หน้าท้องมีความแบนเรียบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แม้ว่าการออกกำลังกายด้วยการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อที่บริเวณท้อง แต่ถ้าหากว่าร่างกายนั้น ยังปกคลุมด้วยชั้นไขมันล่ะก็ หน้าท้องที่แบบราบเรียบตึง ก็จะไม่มีวันโผล่มาคุณได้ให้เห็นหรอกค่ะ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นประจำเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที ต่อ 1 วัน ติดต่อกันอย่างต่ำเป็นเวลา 3 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญไขมันที่มีการสะสมไว้ให้ออกไป ควบคู่ไปกับการซิตอัพด้วยแล้ว คราวนี้ล่ะก็รับรองได้เลยว่า คุณจะสวยตึง หุ่นเพรียวอย่างแน่นอน

8. หายใจเข้า หายใจออก ให้ลึกๆ
เมื่อ เราหายใจเข้า หายใจออก แบบลึกๆ แล้วจะช่วยทำให้ร่างกายของเรามีการผ่อนคลายคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังจะช่วยในการเติมก๊าซออกชิเจนและเติมพลังชีวิตให้กับร่างกายอีก ด้วย ทุกๆ ครั้งที่หายใจ ให้พยายามหายใจให้ลึกๆ เข้าไว้ ในขณะที่กำลังหายใจเข้านั้น พยายามสูดลมให้มีความรู้สึกว่าลมเข้าไปยังท้องให้ได้ อย่าให้หยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกเท่านั้น การหายใจเข้า หายใจออก จากท้องจนเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่บริเวณหน้าท้องมีความกระชับและมีความแข็งแรงมาก ยิ่งขึ้น

9. นวดกระชับบริเวณหน้าท้อง
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อกันล่ะค่ะ ว่าการนวดหน้าท้องนั้น สามารถช่วยได้จริงๆ เนื่องจากการนวดที่บริเวณหน้าท้องนั้น จะช่วยขับไล่ลมที่กักเก็บเอาไว้ในช่องท้องได้ และจะช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วย วิธีการนวดหน้าท้องนั้น ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เพียงแค่วางฝ่ามือลงบนหน้าท้องแล้วนวดวนไปตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น ถ้าอยากจะให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น อาจจะใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมกันไปด้วยก็ได้

บริหารกล้ามเนื้อ เพื่อลดหน้าท้องแบบง่าย ๆ

สวัสดี ค่ะ สาวๆ ทุกคน วันนี้เรามีวิธีการลดหน้าท้องอย่างง่ายๆ มาฝาก สำหรับคุณผู้หญิงให้ได้นำไปลองฝึกกันดูค่ะ ถ้าได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไง ก็ช่วยแชร์กันบ้างนะคะ

ท่าที่ 1 บริหารกล้ามเนื้อท้องรวม
ท่าเตรียมพร้อม ให้นอนหงายราบไปกับพื้น นำมือทั้งสองข้างมาประสานกันไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าซักเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นจากพื้นในลักษณะทำมุมกับพื้นประมาณ 40 องศา โดยอาศัยแรงยกศีรษะจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างควรจะกางออกตึงไว้ ไม่ใช่อยู่ในลักษณะห่อ และออกแรงดันเพื่อยกศีรษะ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอ และอาการคอเคล็ดตามมาได้โดยง่าย

ท่าที่ 2 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านบน
นอน ราบไปกับพื้น ยกขาขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้น ให้ช่วงน่องอยู่ในลักษณะไขว้กันไว้ เพื่อจะได้เพิ่มน้ำหนักในขณะที่ยกตัวขึ้น มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้

ท่าที่ 3 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านข้าง 
นอนราบไปกับพื้น โดยให้ยกเข่าข้างซ้ายขึ้นมาและพับขาขวาในแนวนอนให้มาขัดกันไว้ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้นั้นจะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ด้านซ้าย และทำท่าเดิมเช่นเดียวกัน แต่ให้สลับกับครั้งก่อนโดยการยกเข่าขวาขึ้นมาและพับขาซ้ายในแนวนอนให้มันขัด กันไว้ เพื่อจะได้บริหารกล้ามเนื้อที่ด้านขวา

ท่าที่ 4 บริหารกล้ามเนื้อท้องน้อย 
นอนราบไปกับพื้น พับขาให้อยู่ในลักษณะที่ปลอดภัยให้ขาทั้งสองข้างมาบรรจบกัน มือทั้งสองข้างประสานกันรองศีรษะเอาไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวท่อนบนและจากไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างคอยประคองศีรษะเอาไว้

ท่าที่ 5 บริหารกล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง
นอน ราบไปกับพื้น ขาทั้งสองข้างอยู่ในลักษณะเหยียดตรง มือทั้งสองข้างวางราบไปกับพื้น รองไว้ที่ใต้สะโพกเพื่อช่วยรับน้ำหนักให้ส่วนหลัง เกร็งขาทั้งสองข้างไว้และยกขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้น ค้างไว้แล้วนับ 1-10 จากนั้นก็เหยียดกลับไปที่ท่าเดิม

ท่าที่ 6 บริหารกล้ามเนื้อท้องด้านบนและด้านล่าง 
นอนราบไปกับพื้น มือขวารองเอาไว้ที่ท้ายทอยเพื่อคอยพยุงศีรษะ ส่วนมืออีกข้างให้เหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายไปพาดขาข้างขวาไว้คล้ายกับท่านั่งไขว่ห้าง ใช้กำลังที่หัวไหล่ข้างขวาและหลังยกตัวให้เฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแนบจรดที่หัวเข่าข้างซ้าย ทำท่าเดิมซ้ำ แต่ให้เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นใช้มือซ้ายรองและเข่าซ้ายตั้งแทนเพื่อทำการบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม

ใน แต่ละท่านั้น ควรจะทำซ้ำกัน จำนวนท่าละ 20 ครั้ง หากเป็นท่าที่ต้องทำสลับข้างกัน ก็ให้ทำจำนวนข้างละ 20 ครั้ง ใช้เวลาในการบริหารประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง และลดหน้าท้องแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง และอาการปวดตามตัวได้อีกด้วยค่ะ